RSS
RSS ย่อมาจาก Really Simple Syndication คือ บริการที่อยู่บนระบบ อินเตอร์เน็ท จัดทำข้อมูลข่าวสารให้อยู่ในรูปแบบ XML เพื่ออำนวยความสะดวกให้ กับผู้ใช้ โดยส่งข่าวหรือข้อมูลใหม่ๆ ให้ถึงเครื่องตลอดเวลาที่มีการ Updateไม่ต้อง เสียเวลาเปิดเว็บไซต์เข้ามาค้นหา
ข้อดีของ RSS
RSSช่วยลดข้อจำกัดในการคัดลอกข้อมูลในเว็บไซต์ โดยเฉพาะกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ขณะที่ผู้สร้างไม่ต้องเสียเวลาทำหน้าเพจแสดงข่าว ซึ่งต้องทำทุกครั้งเมื่อ ต้องการเพิ่มข่าว โดย RSS จะดึงข่าวมาอัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลในเว็บไซต์เป็น ศูนย์กลางมากขึ้น
จุดเด่นของ RSS
ผู้ใช้จะไม่จำเป็นต้องเข้าไปตามเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อดูว่ามีข้อมูล อัพเดทใหม่หรือไม่ ขณะที่เว็บไซต์แต่ละแห่งอาจมีระยะความถี่ในการอัพเดท ไม่เท่ากัน บางครั้งผู้ใช้ยังอาจหลงลืมจนเข้าไปดูเนื้อหาอัพเดทใหม่บนเว็บไซต์ ไม่ครบถ้วน รูปแบบ RSS จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับข่าวสารอัพเดทใหม่ได้ โดยไม่ต้องเข้าไปดูทุกครั้งให้เสียเวลา ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้บริโภคและ ฝ่ายเจ้าของเว็บไซต์ รู้ได้อย่างไรว่าเว็บไหนมีบริการ RSS สังเกตได้จากสัญลักษณ์ที่มีเครื่องหมาย หรือ ส่วนใหญ่มักอยู่บริเวณเมนูหลักของเว็บ หรือบริเวณส่วนล่างของหน้าเว็บเพจ
_____________________________________________
XML
XML ย่อมาจาก Extensible Markup Language คือภาษาหนึ่งที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล ซึ่งภาษาที่ใช้กำหนดรูปแบบของคำสั่งภาษา HTML หรือที่เรียกว่า Meta Data ซึ่งจะใช้สำหรับกำหนดรูปแบบของคำสั่ง Markup ต่าง ๆ ถ้าเปรียบเทียบกับภาษา HTML จะแตกต่างกันที่ HTML ถูกออกแบบมาเพื่อการแสดงผลอย่างเดียวเท่านั้น เช่นให้แสดงผลตัวเล็ก ตัวหนา ตัวเอียง เหมือนที่คุณเคยเห็นในเวบเพจทั้วไป แต่ภาษา XML นั้นถูกออกแบบมาเพื่อเก็บข้อมูล โดยทั้งข้อมูลและโครงสร้างของข้อมูลนั้นๆไว้ด้วยกัน ส่วนการแสดงผลก็จะใช้ภาษาเฉพาะซึ่งก็คือ XSL (Extensible Stylesheet Language)
ภาษา XML มีโครงสร้างที่ประกอบด้วยแท็กเปิด และแท็กปิด เช่นเดียวกับภาษา HTML แต่ภาษา XML คุณสามารถสร้างแท็กรวมทั้งกำหนดโครงสร้างของข้อมูลได้เอง ซึ่งความสามารถตรงนี้ตัวภาษา ทำไม่ได้เพราะภาษา HTML ถูกกำหนดแท็กตายตัวโดย W3C หรือ World Wide Web Consortium อาจกล่าวได้ว่า XML เป็นส่วนเสริมของ HTML เพราะตัว XML ไม่สามารถแสดงผลได้ในตัวของมันเอง หากต้องการแสดงผลที่ถูกต้อง จะต้องมีการใช้ร่วมกับภาษาอื่น เช่น HTML,JSP, PHP , ASP หรือภาษาอื่น ๆ ที่สนับสนุน XML จะมีนามสกุลเป็น .XML สามารถสร้างขึ้นจากโปรแกรมประเภท Text Editor ใดก็ได้ เช่น Notepad,Editplus , DreamWeaver, MS Word เป็นต้น
สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นเสน่ห์ของ XML นั้นจะเป็นความสะดวกในการจัดการด้านระบบการติดต่อกับผู้ใช้จากโครงสร้างของข้อมูล เราสามารถนำข้อมูลจากหลายแหล่งมาแสดงผลและประมวลผลร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลลูกค้า รายการสั่งซื้อ ผลการวิจัย รายการรับชำระเงินข้อมูลเวชระเบียน รายการสินค้าหรือข้อมูลสารสนเทศอื่นๆ ก็สามารถแปลงให้เป็น XML ได้ และในส่วนของข้อมูลสามารถปรับให้เป็น HTML ได้ สำหรับประโยชน์ในการใช้งานนั้น เราจะสามารถนำมาใช้สำหรับการเข้าถึงระบบข้อมูลขนาดใหญ่ใช้กับระบบเครือข่ายในองค์กร หรืออินเตอร์เนตเพื่อดูข้อมูลหรือเรียกใช้ข้อมูลที่ให้การแสดงผลทางหน้าจอที่รวดเร็ว
จุดเด่นของ XML
1. ดูเอกสารได้ง่าย สะดวก และได้ผลดีเหมือน HTML
2. สนับสนุนการประยุกต์ใช้กับงานต่าง ๆ และสนับสนุนโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ
3. เขียนง่าย
4. อ่านได้ด้วยมนุษย์ โดยไม่ต้องอาศัยโปรแกรมหรือเครื่องมือช่วยแปล
5. การเขียน XML ทำได้ด้วยการใช้ Text editor ทั่วไป และไม่ต้องการเครื่องมือที่ซับซ้อน
6. ใช้เป็นตัวควบคุมข้อมูล (Meta data) จึงเป็นแนวทางในการขนส่งข้อมูล และสร้างการเชื่อมโยงระหว่างแอปพลิเคชั่นได้ง่าย
7. สนับสนุน UNICODE ทำให้ใช้ได้กับหลากหลายภาษา และผสมกันได้หลากหลายภาษา
8. ดึงเอกสาร XML มาใช้งานได้ง่าย และใช้ร่วมกับโปรแกรมประยุกต์อื่นได้ง่าย เช่น โปรแกรม DB2, Oracle, SAP เป็นต้น
9.นำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินกิจกรรมบนเครือข่ายได้มาก เช่น E-Business, EDI, E-Commerce, การจัดการ Supply chain / Demand chain management, การดำเนินการแบบ intranet และ Web Base Application
_____________________________________________
Widget
คือ ชุดคำสั่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก หรือโปรแกรมสำหรับการควบคุมในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ในแบบต่าง ๆ เช่น เป็นหน้าต่าง เล็ก ๆ (windows),(popup) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมหรือสั่งการเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทำงาน ในรูปแบบต่าง ๆ เช่นเรียกใช้งานเครื่องคิดเลข ในวินโดวส์ ลีนุกซ์ หรือ โอเอสทู เป็นต้น โดยที่สามารถสั่งงานให้โปรแกรมย่อย ๆ เหล่านั่นทำงานด้วยการกดปุ่มคำสั่ง ด้วยเมาส์ แทนการพิมพ์ชุดคำสั่ง ซึ่งผู้ใช้งานสามารถติดต่อสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกง่ายดาย
_____________________________________________
Gadget
มีสองความหมายด้วยกัน คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์เสริมขนาดเล็กที่ช่วยให้ผู้ใช้ใช้งานได้ง่ายขึ้น เปรียบเสมือนชอตคัต เช่น การบอกเวลาจากนาฬิกา การติดตามข่าวสาร ฟังวิทยุ หรือตรวจสอบราคาหุ้น โดยแกดเจ็ตจะช่วยย่นเวลาในการเปิดเบราว์เซอร์เพื่อเรียกดูข้อมูลทีละรายการ เปลี่ยนเป็นการนำข้อมูลดังกล่าวมาไว้บนเดสต์ทอป ในอีกความหมายถึง แกดเจ็ต คือ อุปกรณ์หรือสิ่งประดิษฐ์ที่นำมาใช้กับโน้ตบุ๊กหรืออาจจะหมายถึงของเล่นไฮเทคที่มีความล้ำยุค
Gadget Microsoft ได้แบ่ง Gadget ออกเป็น 3ประเภท ได้แก่
1. Web gadgets คือ โปรแกรมที่ทำงานบนเว็บไซต์ เช่น Live.com หรือ Spaces.Live.com
2. Sidebar gadgets คือ โปรแกรมที่ทำงานบน Desktop หรือที่วางอยู่ด้านข้างของ Window (Windows Sidebar)
3. SideShow gadgets คือ
อุปกรณ์ที่ทำงานแสดงผลรูปแบบต่างๆ ได้ เช่น
ฝาด้านนอกของ Laptop หรือ panel บนคีย์บอร์ดและมือถือ
_____________________________________________
Mashup
เป็นวิธีการหนึ่งในการการสร้าง application
( Rich Application, Web Application ) ด้วยการดึงข้อมูลจากแหล่งที่มา ( Sources : Web Site .. etc. ) หลายๆแหล่ง มารวมกันเพื่อสร้าง application ใหม่ๆ ขึ้นมา ตัวอย่างเช่น Google Map เป็นต้น ถ้าเปรียบกำหารแต่งเพลง ก็คือการ mix เพลง นั่นเอง ซึ่งจะเรียกว่าการ MashUp
เนื้อหา ( Content ) ที่ใช้งานในการทำ MashUp นั้นจะเรียกใช้ผ่าน Public Interface หรือ API ที่ผู้ให้บริการ ( Provider ) จัดเตรียมไว้ให้ โดย API เหล่านี้จะมีการรับส่งข้อมูลในลักษณะที่เป็น Web Feed เช่น RSS, Atom, Web Services และ Screen Scraping เป็นต้น
Vendor เจ้าใหญ่ๆ ให้ความสนใจในการทำ MashUp อย่างกว้างขวาง เช่น Microsoft, Google, eBay, Amazon, Flickr และ Yahoo โดย vendor เหล่านี้จะเตรียมโปรแกรมช่วยในการทำMashUp ซึ่งเรียกว่า MashUp Editor
MashUp Editor คือ WYSUWYG ของ MashUp นั่นเอง โดยเครื่องมือตัวนี้จะมีหน้าตามเป็น Graphic User Interface ใช้งานง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างของ MashUp Editor เช่น
http://mashupawards.com/create/
Microsoft :: http://www.popfly.com/
Yahoo :: http://pipes.yahoo.com/pipes/
Google MashUp Editor :: http://googlemashups.com/
ประเภทของ MashUp
MashUp แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. Consumer MashUp
2. Data MashUp
3. Business MashUp
1.Consumer MashUp
เป็นการรวมข้อมูลจากหลายๆ ที่มารวมกันไว้ แล้วทำซ่อนข้อมูลเหล่านี้ด้วยการแสดงผลแบบ GUI ตั้วอย่างที่เห้นได้ชัดเจนคือ Google Map นั่นเอง
2.Data MashUp หรือ Enterprise MashUp
เป็นการรวมข้อมูลจากหลายๆ ที่มารวมกันไว้ โดยจะไม่มีส่วนแสดงผล เช่น RSS, Atom เป็นต้น ถ้าเป็น website ก็เช่น www.rssthai.com
3.Business MashUp
เป็นการรวมทั้ง Consumer MashUp และ Data MashUp เข้าด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้งานใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้นระบบ business application
_____________________________________________
Artificial Intelligence
Artificial Intelligence (AI)ระบบปัญญาประดิษฐ์ หมายถึง อุปกรณ์ที่ต้องรับคำสั่งเพื่อสามารถทำงานให้ได้ อย่างรวดเร็วภายใต้หน่วยความจำที่มีขนาดใหญ่ หรือ หมายถึงการทำให้คอมพิวเตอร์สามารถคิดหาเหตุผลได้ เรียนรู้ได้ทำงานได้เหมือนเสมือนมนุษย์ ซึ่งการทำงาน มีลักษณะเช่นเดียวกันกับการประมวลผลของสมองมนุษย์ฉนั้นความสามารถของคอมพิวเตอร์ทางด้านสติปัญญา และด้านพฤติกรรมจึงมีลักษณะคล้ายกับมนุษย์
สิ่งที่สำคัญทางปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีสองประการคือ
1. ความสามารถที่จะเข้าใจภาษาธรรมชาติ
2. ความสามารถที่จะให้เหตุผล ดังนั้นความหมายของปัญญาประดิษฐ์ จึงหมายถึงความสามารถของระบบการทำงานคล้ายคลึง กับสติปัญญาของมนุษย์จึงถูกเรียกว่าปัญญาประดิฐ์
วิวัฒนาการของปัญญาประดิษฐ์(Evolution of AI) ได้มีการนำมาใช้เป็นครั้งแรกในช่วงกลางศตวรรษที่1950โดยมีลักษณะเป็นตัวประมวลผลโปรแกรมการใช้งานซึ่ง ทำงานภายใต้สัญลักษณ์และเครื่องหมายมากกว่าเรื่อง ของตัวเลข
ปัญญาประดิษฐ์พัฒนามาจากหลายสาขาวิชา
ประกอบด้วย
1.สาขาวิชาคริตศาสตร์จะเกี่ยวข้องกับเรื่องการพิสูจน์ ทฤษฏีต่างๆในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนด้านเกมส์ต่างๆ เช่นการเล่นOXหมากรุกฝรั่ง
2.สาขาจิตรวิทยาในเรื่องการฟังและการวิเคราะห์ปัญหา ทางจิตซึ่งการพัฒนาสิ่งดังกล่าวเกิดขึ้นโดนผ่านผู้เชี่ยวชาญโปรแกรมหมากรุกฝรั่งในช่วงแรกๆเป็นโปรแกรมที่ได้มาจากการใช้กำลังของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นการทำงานโดยการคำนวณผลกระทบของการเดินแต่ละครั้งเพื่อจะได้รู้ว่าวิธีการเดินแบบไหนจึงจะดีที่สุดซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ป็นวิธีการเล่นของมนุษย์เพราะวิธีการเดินแต่ละก้าวของมนุษย์ล้วนมาจากประสบการณ์และกฏเกณฑ์การปฏิบัติฉนั้นถ้าโปรแกรมหมากรุกอาศัยการทำงานแบบกฏเกณฑ์ด้านการปฏิบัติก็หมายถึงเทคนิคด้านการประดิษฐ์
ลักษณะงานของปัญญาประดิษฐ์
1. Cognitive Science งาน ด้านนี้เน้นงานวิจัยเพื่อศึกษาว่าสมองของมนุษย์ทำงานอย่างไร และมนุษย์คิดและเรียนรู้อย่างไร จึงมีพื้นฐานที่การประมวลผลสารสนเทศในรูปแบบของมนุษย์
ประกอบด้วยระบบต่างๆ
ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems)
ระบบเครือข่ายนิวรอน (Neural Network)
ระบบแบ๊บแน็ต (Papnet)
ฟัสซี่โลจิก (Fuzzy Logic)
เจนเนติกอัลกอริทึม (Genetic Algorithm)
เอเยนต์ชาญฉลาด (Intelligent Agents)
ระบบการเรียนรู้ (Learning Systems)
2. Roboics พื้นฐานของวิศวกรรมและสรีรศาสตร์ เป็นการพยายามสร้างหุ่นยนต็ไห้มีความฉลาดและถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์แต่ สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนกับมนุษย์
3. Natural Interface งาน ด้านนี้ได้ชื่อว่าเป็นงานหลักที่สำคัญที่สุดของปัญญาประดิษฐ์ และพัฒนาบนพื้นฐานของภาษาศาสตร์ จิตวิทยา และวิทยาการคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยงานด้านต่างๆ
ระบบที่มีความสามารถในการเข้าใจภาษามนุษย์ (Natural Language)
ระบบภาพเสมือนจริง (Virtual Reality)
ระบบปัญญาประดิษฐ์แบบผสมผสาน (Hybrid AI Systems)
การนำระบบผู้เชี่ยวชาญไปใช้งาน
การนำระบบผู้เชี่ยวชาญไปใช้งาน (Putting Expert Systems to work) สามารถนำไปใช้ในด้านต่าง ๆ ต่อไปนี้
1. ด้านการผลิต (Production) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (ES) สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์การกำหนดตารางการผลิตและการกำหนดตารางการใช้ทรัพยากรให้เหมาะสมที่สุ ตลอดจนการกำหนดโอกาสในการนำเอากากวัสดุไปผลิตอีกครั้ง
2. การตรวจสอบ (Inspection) ผู้ผลิตสามารถใช้ระบบผู้เชี่ยวชาญ (ES) ที่เป็นระบบจับภาพซึ่งจะสามารถฉายภาพความเสียหายของวัตถุด้วยการใช้ลำแสงเพื่อป้องกันในการแพร่กระจายความเสียหายไปที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ระบบนี้ยังสามารถช่วยทำรายงานด้านการรับประกันคุณภาพที่เกี่ยวกับชิ้นส่วนของวัตถุในเรื่องความชำรุดเสียหายและวิธีการในการแก้ไขด้วย
3. การประกอบชิ้นส่วน (Assembly) ระบบผู้เชี่ยวชาญ XCONสามารถช่วยผู้ผลิตในการสร้างโครงร่างคำสั่งซื้อของลูกค้าไปเป็นแผนผังภาพ ซึ่งจะแสดงให้เห็นส่วนประกอบที่จำเป็นในการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าและยังแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างชิ้นส่วนต่าง ๆ
4. ด้านบริการ (Field service) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (ES) เป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้จัดการด้านการบริการและพนักงานซ่อมแซมทั่วไป (ช่าง) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (ES) ช่วยให้ช่างเข้าใจถึงลำดับขั้นตอนในการวิเคราะห์ เช่น เครื่องจักรกำลังเดินเครื่องหรือไม่ ความเสียหายเกิดขึ้นกับระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือเกิดกับส่วนใด ซึ่งเป็นการช่วยในการวิเคราะห์ตามลำดับขั้นตอนอย่างรวดเร็ว ทำให้ประหยัดเวลาในการทำงาน
5. การตรวจสอบบัญชี (Auditing) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (ES) ช่วยผู้ตรวจสอบบัญชีในเรื่องกระบวนการตรวจสอบบัญชีเพื่อความถูกต้อง เช่น สำหรับบัญชีลูกหนี้ (Account receivable) จะมีการป้อนข้อมูลลูกหนี้เข้าไปในระบบผู้เชี่ยวชาญ สิ่งที่ได้จากระบบคือการเสนอแนะกระบวนการในการตรวจสอบนั่นเอง
6. ด้านบุคคล (Personnel) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (ES) ช่วยแผนกบุคคลในการเตือนผู้ใช้ในเรื่องที่สำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับนโยบายของบริษัท และยังช่วยในการสร้างคู่มือให้แก่พนักงาน
7. ด้านการตลาดและการขาย (Marketing and sales) ระบบผู้เชี่ยวชาญ (ES) สามารถทำงาน 6 งานพร้อมกันภายในไม่กี่วินาที ในขณะที่พนักงาน 1 คน ใช้เวลา 20-30 นาทีในการทำงาน 1 งาน
การพยากรณ์อากาศ
นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยอาเบอร์ดีน สหราชอณาจักร ได้ถูกว่าจ้างโดยบริษัทแท่นขุดเจาะน้ำมันที่อยู่ชายฝั่งของอังกฤษให้ประดิษฐ์
“นักพยากรณ์อากาศปัญญาประดิษฐ์” หรือ “artificial weatherperson” เพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการรายงานสภาวะอากาศที่ไม่ชัดเจนของ
นักพยากรณ์อากาศ อันเนื่องมาจากภาษาที่พวกเขาใช้มีความคลุมเครือและแปรผันอย่างมากสำหรับการรายงานโดยนักพยากรณ์คนละคน Ehud Reiter
ผู้นำทีมวิจัยที่มหาวิทยาลัยอาเบอร์ดีน กล่าว จากการตรวจสอบเปรียบเทียบรายงานสภาวะอากาศที่รายงานโดยนักพยากรณ์อากาศกับข้อมูลดิบที่พวกเขาใช้อ้างอิงอยู่ Reiter และทีมวิจัยของเขาพบว่า รายงานพยากรณ์อากาศโดยนักพยากรณ์ต่างคนกันมีความแปรผันของการเลือกใช้คำศัพท์อย่างไม่น่าเชื่อ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อพวกนักพยากรณ์เหล่านี้กล่าวถึง สภาพอากาศในเวลา “กลางคืน” บางคนหมายถึง เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ในขณะที่บางคนหมายถึงเวลาดึกใกล้ๆเที่ยงคืน อีกทั้ง คำว่า “เช้าสายๆ (Late morning)” นั้นก็ค่อนข้างกำกวม เพราะนั่นหมายถึงเวลาใดก็ได้ในช่วงระหว่าง 9 โมงเช้าถึงเที่ยง
เพื่อขจัดความไม่แน่นอนของการเลือกใช้ภาษาเหล่านี้ ทีมนักวิจัยได้เขียนโปรแกรมเพื่อสร้าง Natural Language Generation (NLG) ซอฟต์แวร์เพื่อทำการแปรข้อมูลดิบที่ได้จากการพยากรณ์อากาศเป็นรายงานสภาพอากาศที่ถูกต้อง ชัดเจนและไม่กำกวม
Natural Language Generation (NLG) หรือ Natural Language Processing (NLP) เป็นสาขางานวิจัยสาขาย่อยของ Artificial Intelligence ที่ผนวกความรู้ด้านภาษาศาสตร์ (linguistic) และวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science)
เข้าด้วยกันเพื่อพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจ วิเคราะห์และสังเคราะห์ ภาษาที่มนุษย์ใช้สื่อสารกันตามธรรมชาติได้ เพื่อที่ว่า ในที่สุด เราจะสามารถสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานเสมือนกับการสั่งคนๆหนึ่ง
และอีกไม่นาน คาดว่า ระบบ AI ที่คล้ายๆกับที่ใช้ในการรายงานสภาวะอากาศนี้ อาจจะถูกนำมาใช้ได้ในกรณีของใบสั่งยาของแพทย์ เพื่อป้องกันการใช้คำที่กำกวมในการอธิบายสภาพของคนไข้ที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วนอีกด้วย
หุ่นยนต์ ASIMO
ASIMO หุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ของบริษัทฮอนด้า
โครงสร้างด้านข้างของอาซิโมอาซิโม คือหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ หรือหุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์ของ
บริษัทฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่น สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2543 โดยพัฒนาจากหุ่นยนต์ทดลองและหุ่นยนต์ต้นแบบจนทำให้มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เทคโนโลยี i-WALK ช่วยให้อาซิโมสามารถเดินและวิ่งได้อย่างอิสระเสรี ขึ้นบันไดและเต้นรำได้ มีระบบบันทึกเสียงเพื่อตอบสนองคำสั่งของมนุษย์ สามารถจดจำใบหน้าคู่สนทนาได้อย่างแม่นยำ ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเพื่อให้อาซิโมมีขีดความสามารถรอบด้าน และรองรับความต้องการของมนุษย์ในอนาคต
บริษัทฮอนด้าได้ให้คำนิยามของชื่อ ASIMO ว่าย่อมาจาก Advanced Step in Innovative Mobility หมายถึง นวัตกรรมแห่งการเคลื่อนที่อันล้ำสมัย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับชื่อสกุลของไอแซค อสิมอฟ
นักวิทยาศาสตร์ด้านหุ่นยนต์ชื่อดังแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังไปพ้องเสียงกับคำว่า อะชิโมะ (ญี่ปุ่น: 脚も ashimo ?) ที่แปลว่า "มีขาด้วย"
อาซิโมได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะหรือการควบคุมระยะไกล ทีมวิศวกรเริ่มต้นคิดค้น พัฒนาศึกษาวิจัยหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 โดยเริ่มจากการสร้างหุ่นยนต์ต้นแบบ พีทู (P2) ในปี พ.ศ. 2539 และต่อด้วยหุ่นยนต์ต้นแบบ พีทรี (P3) ในปี พ.ศ. 2540 จนกระทั่งมาถึงหุ่นยนต์อาซิโมในปี พ.ศ. 2543 ปัจจุบันฮอนด้าได้เปิดโอกาสให้เช่าอาซิโมเพื่อใช้งานในประเทศญี่ปุ่น
ทีมวิศวกรของบริษัทฮอนด้า ร่วมกันคิดค้นและพัฒนาความท้าทายการทำงานในรูปแบบใหม่ของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ซึ่งหลังจากได้พัฒนาศักยภาพของเครื่องยนต์อเนกประสงค์ รถจักรยานยนต์ และรถยนต์ในรุ่นต่าง ๆ ซึ่งความท้าทายในรูปแบบใหม่ของทีมวิศวกรบริษัทฮอนด้าคือ การพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ให้มีขีดความสามารถในการเดิน วิ่ง หรือเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ หุ่นยนต์อาซิโมจึงถือกำเนิดขึ้นและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำการศึกษาและวิจัยโครงสร้างและส่วนประกอบต่าง ๆ ของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์อย่างละเอียด เพื่อให้หุ่นยนต์อาซิโมและมนุษย์สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ โดยเริ่มทำการศึกษาและพัฒนาหุ่นยนต์ให้สามารถเดินได้ด้วยขาทั้ง 2 ข้าง ในตระกูล P-Series เรื่อยมาจนกระทั่งมาสิ้นสุดที่อาซิโม
หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ถือเป็นการคิดค้นและพัฒนาหุ่นยนต์ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามและความมุ่งมั่นในการศึกษาและวิจัยของทีมวิศวกรของ
บริษัทฮอนด้า หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่อาศัยเทคโนโลยีชั้นสูงในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยความคิดสร้างสรรค์และความยึดมั่นในความคิดที่หุ่นยนต์สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้นั้น เป็นแรงผลักดันให้ทีมวิศวกรของบริษัทฮอนด้า สามารถสร้างหุ่นยนต์อาซิโมให้มีความเป็นอยู่ร่วมกับมนุษย์และอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แก่สังคม นักวิทยาศาสตร์และทีมวิศวกรผู้สร้างอาซิโมยังได้รับแรงบันดาลใจจากนิยายวิทยาศาสตร์ ทำให้หุ่นยนต์อาซิโมในศตวรรษที่ 21 ที่เกิดจากจินตนาการของไอแซค อสิมอฟ กลายเป็นความจริง สามารถมีสมองและความคิดได้เช่นเดียวกับมนุษย์
_____________________________________________
Phishing
ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อหลอกลวงทางการเงิน เนื่องจากจะทำให้ผู้อ่านมองเห็นผลกระทบได้ง่าย
คำว่า Phishing เป็นคำพ้องเสียงจากคำว่า Fishing ซึ่งหมายถึงการตกปลา หากจะเปรียบเทียบง่าย ๆ สามารถจินตนาการได้ว่า เหยื่อล่อที่ใช้ในการตกปลา ก็คือกลวิธีที่ผู้โจมตีใช้ในการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งเหยื่อล่อที่เด่น ๆในการหลอกลวงแบบ Phishing มักจะเป็นการปลอมอีเมลหรือปลอมหน้าเว็บไซต์ที่มี
ข้อความซึ่งทำให้ผู้เสียหายอ่านแล้วหลงเชื่อ เช่น ปลอมอีเมลว่าอีเมลฉบับนั้นถูกส่งออกมาจากธนาคารที่ผู้ เสียหายใช้บริการอยู่ โดยเนื้อความในอีเมลแจ้งว่า ขณะนี้ธนาคารมีการปรับเปลี่ยนระบบรักษาความมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าและธนาคารต้องการให้ลูกค้า เข้าไปยืนยันความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทาง ลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เป็นต้น
เมื่อผู้เสียหายคลิกที่ลิงก์ดังกล่าวก็จะพบกับหน้า
เว็บไซต์ ปลอมของธนาคารซึ่งผู้โจมตีได้เตรียมไว้
เมื่อผู้เสียหายเข้าไปล็อกอิน ผู้โจมตีก็จะได้ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านของผู้เสียหายไปในทันที ในหลาย ๆ ครั้งการหลอกลวงแบบPhishingจะอาศัยเหตุการณ์ สำคัญที่เกิดในช่วงเวลานั้น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสของ
การหลอกลวงสำเร็จ เช่น อาศัยช่วงเวลาที่มีภัยธรรมชาติหรือโรคระบาด โดยปลอมเป็นอีเมลจากธนาคารเพื่อขอรับบริจาค เป็นต้น
หน้าเว็บไซต์ปลอมบางหน้าจะใช้วิธีการที่แยบยล นั่นคือการฝังโทรจันที่สามารถขโมยข้อมูลที่ต้องการมากับหน้าเว็บไซต์ปลอมนั้นด้วย เช่น โทรจันที่ทำหน้าที่เป็น Key-loggerซึ่งจะคอยติดตามว่าผู้เสียหายพิมพ์คีย์บอร์ด อะไรบ้าง เป็นต้น เมื่อผู้เสียหายหลงกลกดลิงก์ตามเข้ามา ที่หน้าเว็บไซต์ปลอมก็จะติดโทรจันชนิดนี้ไปโดยอัตโนมัติ และหากผู้เสียหายทำการล็อกอินเข้าใช้งานระบบใด ๆ ข้อมูลชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน ของระบบนั้นก็จะถูกส่งไปยัง ผู้ไม่ประสงค์ดี
นอกจาก Phishing แล้วยังมีเทคนิคการหลอกลวงอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันซึ่งแต่ละวิธีก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น
Vishing และ Smishing:
หลายคนคงเคยได้ยินหรือเคยประสบกับแก๊งคอล เซ็นเตอร์ พฤติกรรมของแก๊งเหล่านี้เข้าข่ายของ Vishing โดยตัวอักษร ‘V’ นี้มาจากคำว่า Voice ซึ่งแปลว่าเสียง ดังนั้น Vishing จึงเป็นการใช้ Voice ร่วมกับ Phishing ซึ่งมักเป็นการหลอกลวงให้ได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทางโทรศัพท์นั่นเอง แต่หากเป็น Smishing ก็จะเป็นการหลอกลวงโดยใช้ SMS เช่น การได้รับ SMS อ้างว่ามาจากธนาคารเพื่อแจ้งลูกค้าว่า บัญชีของท่านถูกระงับ กรุณาติดต่อกลับที่หมายเลข ดังต่อไปนี้ ซึ่งเมื่อโทรตามหมายเลขที่ระบุไว้ ก็จะเข้าสู่กระบวนการ Vishing ต่อไป เป็นต้น
Spear-phishing และ Whaling:
อย่างที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นเกี่ยวกับกลวิธีของ Phishing ในการนำไปใช้งาน ผู้ไม่ประสงค์ดีบางคน ก็ได้เล็งองค์กร หรือบุคคลที่เป็นเป้าหมายไว้ชัดเจน อยู่แล้ว บุคคลที่มักตกเป็นเป้าหมายส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในองค์กร มีความสามารถหรือรู้วิธีการเข้าถึงข้อมูลสำคัญขององค์กร การหลอกลวงแบบ Phishing ที่มีเป้าหมายชัดเจนนี้มีคำเรียกเฉพาะคือ Spear-phishing และหากเป้าหมายของ Spear-phishing นี้เป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูงหรือเป็นบุคคลสำคัญในองค์กร จะเรียกการหลอกลวงนี้ว่า Whaling
ข้อแนะนำการลดโอกาสไม่ให้ถูกหลอกลวงได้
-ไม่เปิดลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เนื่องจากมีโอกาสสูงที่จะ ถูกหลอกลวง เพราะบางครั้งลิงก์ที่มองเห็นในอีเมลว่า เป็นเว็บไซต์ของธนาคาร แต่เมื่อคลิกไปแล้วอาจจะไป ที่เว็บไซต์ปลอมที่เตรียมไว้ก็เป็นได้ เนื่องจากในการ สร้างลิงก์นั้นสามารถกำหนดให้แสดงข้อความหรือรูปภาพได้ตามต้องการ ดังนั้นบางเว็บไซต์ปลอมจึงทำ URL ให้สังเกตความแตกต่างจาก URL จริงได้ยาก
พึงระวังอีเมลที่ขอให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะหากเป็นอีเมลที่มาจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้ธนาคารหลายแห่งได้แจ้งอย่างชัดเจนว่า ธนาคารไม่มีนโยบายในการขอให้ลูกค้าเปิดเผยเลขประจำตัว หรือข้อมูลที่มีความสำคัญอื่น ๆ ผ่านทางอีเมลโดยเด็ดขาด
ไม่เปิดลิงก์ที่แนบมาในอีเมล เนื่องจากในปัจจุบัน
ผู้โจมตีมีเทคนิคมากมายในการปลอมชื่อผู้ส่งให้เหมือนมาจากองค์กรนั้นจริง ๆ หากต้องการเข้าใช้งานเว็บไซต์นั้น ขอให้พิมพ์ URL ด้วยตัวเอง
- สังเกตให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ที่ใช้งานเป็น HTTPS ก่อนให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ เช่น เลขบัตรเครดิต หรืออื่น ๆ
- ลบอีเมลน่าสงสัยออกไป เพื่อไม่ให้พลั้งเผลอกดเปิดครั้งถัดไป
- ติดตั้งโปรแกรม Anti-Virus, Anti-Spam และ Firewall เนื่องจากผลพลอยได้อย่างหนึ่งของการติดตั้ง Firewall คือสามารถทำการยับยั้งไม่ให้โทรจันแอบส่งข้อมูลออกไปจากระบบได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ควรหมั่นศึกษาและอัพเดทโปรแกรมดังกล่าวให้เป็นรุ่นปัจจุบันเสมอ
หากพบเห็นเว็บไซต์หลอกลวงซึ่งมีจุดประสงค์ในการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล สามารถแจ้งเหตุภัยคุกคามได้ที่เจ้าของบริการเหล่านั้น หรือส่งอีเมลมาที่ report@thaicert.or.th ตลอด 24 ชั่วโมงหรือโทร 02-142-2483 ในเวลา 8.30-17.30 ทุกวันทำการ
ข้อแนะนำที่ผู้เสียหายควรปฏิบัติตามโดยทันที
ในกรณีที่เป็นข้อมูลสำคัญขององค์กร ผู้เสียหายควรแจ้งเรื่องไปยังบุคคลที่เหมาะสมรวมทั้งผู้ดูแลระบบ เพื่อเป็นการเตรียมมาตราการปกป้ององค์กรต่อไป
ในกรณีที่เป็นข้อมูลบัญชีธนาคาร ผู้เสียหายควรแจ้งเรื่องไปยังธนาคารที่ใช้บริการ และทำการปิดบัญชีที่คาดว่าสามารถถูกขโมยได้ หรือเฝ้าระวังการใช้งาน บัญชีอย่างต่อเนื่อง ทำการเปลี่ยนรหัสผ่านในทุกระบบ ที่ใช้รหัสผ่านเดียวกัน และไม่กลับมาใช้รหัสผ่านนั้นอีก
FTP
แหล่งที่มาดีๆจาก > http://www.manager.co.th/RSS/
> http://www.bangkokbiznews.com/xml_kt/rsshelp/prss.html
> http://www.mindphp.com/คู่มือ/73-คืออะไร/2129-xml-คืออะไร.html
> th.m.wikipedia.org/wiki/วิจิท
> http://www.satriwit3.ac.th/external_links.php?links=6058
> th.m.wikipedia.org/wiki/Gadget
> www.mashup.in.th/mashup-คืออะไร/
> https://sites.google.com/site/wanwayja/kerd-khwam-ru-ni-hxngreiyn/-artificial-intelligence-ai
> https://www.thaicert.or.th/papers/general/2012/pa2012ge007.html